
ข่าวด่วน!!!
AWC ประกาศ Q3 ออกมาแล้วนะครับ กำไร 1,026 ล้านบาท ตัว Present ยังไม่มา
หลายคนได้ข่าว จากหลายๆ สื่อนะครับ
ว่า AWC ลงทุน ภายในอีก 5 ปี มูลค่า 1 แสนล้านบาท
โดยแบ่งเป็น โปรเจค ที่ได้ประกาศไปแล้ว 6 หมื่นล้านบาท
และ อีก 4 หมื่นล้านบาท จะเป็นการ ซื้อโรงแรม ปรับปรุง นะครับ
วันนี้ ประกาศชื่อ 2 โรงแรม ที่ AWC ได้เข้าซื้อกิจการแล้วนะครับ ใช้เงินลงทุน 8,856 ล้านบาท
นั้นก็คือ
1. Grand Mercure Bangkok Windsor
2. The Westin Siray Bay Resort & Spa, Phuket
เหลืออีก 3.2 หมื่นล้านบาท รอดูว่า AWC จะได้โรงแรมไหนไปอีกบ้างนะครับ
AWC ประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 3/2565 โชว์กำไรสุทธิ 1,026 ล้านบาท รับการเติบโตแข็งแกร่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
รวม 9 เดือนแรกกำไรสุทธิ 2,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมเดินหน้าลงทุน 8,856 ล้านบาท ใน 2 โรงแรม เสริมศักยภาพการท่องเที่ยวไทย
9 พฤศจิกายน 2565, กรุงเทพฯ ประเทศไทย – นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 มีกำไรสุทธิตามงบการเงิน 1,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.4 และกำไรสุทธิจากผลประกอบการโดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรม 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงรายได้รวมตามงบการเงิน 3,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้นเป็น 994 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่ 47 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่าร้อยละ 2,029 โดยเป็นผลมาจากพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพและกลยุทธ์การเตรียมพร้อมขององค์กรสอดรับกับมาตรการการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ และการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ รวมถึงทรัพย์สินคุณภาพที่มีการเพิ่มมูลค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างผลกำไรเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและรวดเร็ว
“ผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรกของปี AWC มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 2,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ประกอบไปด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าเเละธุรกิจอาคารสำนักงาน (Retail & Commercial) สามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของ AWC ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีศักยภาพ และการดำเนินกลยุทธ์การปรับโครงสร้างการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไตรมาส 3/2565 บริษัทสามารถเพิ่มอัตรากำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจต่อรายได้โดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรมเป็นร้อยละ 39 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 34 และสามารถกลับมาในอัตราเท่ากับก่อนสถานการณ์ COVID-19 ถึงแม้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาเพียงครึ่งเดียวเฉลี่ยต่อวันเมื่อเทียบกับปี 2562” นางวัลลภา กล่าว
กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ
บริษัทกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมในกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) โรงแรมในกรุงเทพและรีสอร์ทระดับลักซ์ชูรี ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพ (High-to-Luxury) ที่เข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นกลุ่มแรกผ่านเครือข่ายพันธมิตรโรงแรมระดับโลก ในไตรมาส 3/2565 ภาพรวมอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ของโรงแรมในเครือ AWC เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเพียงร้อยละ 14.2 และราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate หรือ ADR) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4,920 บาทต่อคืน ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่อยู่ที่ 4,052 บาทต่อคืน โดยเป็นผลมาจากจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวน 49,675* เที่ยวบินในไตรมาส 3/2565 สูงขึ้นร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพจากนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาในประเทศไทยจะเป็นสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 60
สำหรับการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการในไตรมาส 3/2565 มีรายได้ 1,789 ล้านบาท เติบโตมากกว่าร้อยละ 100 และมีกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) 493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดย Revenue Generation Index ที่เปรียบเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI สูงกว่าค่าเฉลี่ยเท่ากับ 241.7 สำหรับโรงแรมในกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) ส่วนกลุ่มรีสอร์ทระดับ ลักซ์ซูรี ที่ได้รับความนิยมสูง อาทิ โรงแรม บันยันทรี กระบี่ มีค่า RGI สูงที่สุดในกลุ่มเท่ากับ 261.4 เช่นกัน ซึ่งผลการดำเนินงานที่เติบโตนี้ เป็นผลมาจากการที่บริษัทเดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง โดยจำนวนห้องพักของธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 5,199 ห้อง เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีจำนวนห้องพัก 3,432 ห้อง
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial)
กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่องมีอัตราการเติบโตของรายได้ไม่รวมมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกลุ่มผู้เช่าที่เป็นลูกค้าองค์กรธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้เช่าคุณภาพอยู่มากกว่าร้อยละ 60 ด้วยสินทรัพย์อาคารสำนักงานคุณภาพเกรด A ที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพย่านธุรกิจ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยของผู้เช่าในยุคดิจิทัล
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากประชาชนเข้ามาจับจ่ายและใช้บริการศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้นจะส่งผ่านเป็นอิบิทดา (Flow Through) มีสัดส่วนมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยวอย่างเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ที่มี Flow Through ในไตรมาส 3/2565 เท่ากับร้อยละ 106 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
“AWC ยังคงมุ่งมั่นยกระดับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของไทย พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 3 ที่ผ่านมา AWC ได้ลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกมากมาย อาทิ การลงนามสัญญาร่วมทุน และจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท เอดับบลิวซี ฮอสปิทอลลิตี้ เดเวลอปเมนท์ จำกัด (AWC Hospitality Development Co., Ltd.) เพื่อเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีศักยภาพในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในประเทศ โดยบริษัทมีแผนเพิ่มทุนรวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 10,800 ล้านบาท รวมถึงการร่วมมือกับ Nobu Hospitality แบรนด์ไลฟ์สไตล์สุดหรูระดับโลก แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ ดิจิทัล เวนเจอร์ส และความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และพันธมิตร ซึ่งเป็นความร่วมมือสำคัญที่จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืน ยกระดับประเทศไทยก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก” นางวัลลภา กล่าวเสริม
ล่าสุด AWC จะเข้าลงทุนและพัฒนา 2 โครงการในกรุงเทพฯ และภูเก็ต รวมมูลค่า 8,856 ล้านบาท เพิ่มพอร์ตสินทรัพย์คุณภาพของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ ได้แก่ การเข้าลงทุนและพัฒนาใน โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์ และโครงการ เดอะ เวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต ช่วยเสริมศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย
AWC ยึดมั่นในพันธกิจ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” ด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบการดำเนินงานการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3 เสาหลัก 6 มิติ หรือ 3BETTERs ได้แก่ Better Planet, Better People, Better Prosperity พร้อมได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีชี้วัดด้านความยั่งยืน (Sustainability Index) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ การได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การได้รับการประเมินจาก MSCI ESG Rating ในระดับ “AA” และได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนของ S&P (จากรายงาน The Sustainability Yearbook 2022) ของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญ รวมถึงการได้รับการจัดอันดับรายงานการกำกับดูแลกิจการ ในระดับ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) และได้รับการรับรองให้เป็นแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC)
Sharp increase in net profit of 2,448 million baht in the first 9 months in 2022. Preparing to invest of 8,856 million baht in two hotels strengthens Thai tourism industry
9 November 2022, Bangkok, Thailand – Mrs. Wallapa Traisorat, CEO and President of Asset World Corp Public Company Limited or AWC today announced the company reported a net profit of 1,026 million baht in Q3/2022, according to the financial statement, an increase of 49.4 percent. The Company booked a significant increase in net profit from the Operating Performance excluding fair-value, of 36 million baht, and total revenue of 3,727 million baht, an increase of 46.8 percent year-on-year (YoY). The operating profit, excluding fair-value, increased to 994 million baht from 47 million baht in the same period last year, representing growth of more than 2,029 percent due to the Company’s strong operating assets and efficient strategy for Thailand’s full-scale reopening, as well as the increase in the number of quality travelers and the Company’s quality assets that are continually increasing in value.
“In the first nine months of 2022, AWC’s robust growth continued across all business segments, with a net profit of 2,448 million baht, an exponential increase from the same period a year earlier, as a result of solid growth from our Hospitality Business Unit and continued growth from our Retail and Commercial Business Units. This reflects AWC’s ability to reach potential targets and implement strategies to restructure cost management and enhance cost control efficiency. As a result, in the third quarter of 2022, the Company was able to increase its group’s Net Operating Profit to Revenue (excluding fair value) to 39 percent, a significant increase of 34 percent year-on-year, to the same rate as before COVID-19, while the average daily number of travelers arriving was about 50 percent of the number before the pandemic,” Mrs. Wallapa said.
Hospitality Business
The Hospitality Business Unit has rebounded and recorded business growth across all its segments, especially MICE hotels, Bangkok city hotels, and luxury resorts that appeal to high-to-luxury travelers who were the first visitor group to return to Thailand. In Q3/2022, the overall occupancy rate of AWC hotels was at 53 percent compared to only 14.2 percent in the same period last year, while the average daily rate (ADR) increased to 4,920 baht per night from 4,052 baht per night in 2019 (pre-COVID period), as a result of an increase in international flights to Thailand to 49,675* in 3Q/2022, a 41 percent increase compared to the previous quarter. Quality travelers are estimated to account for 60 percent of all travelers entering Thailand.
The hospitality business in Q3/2022 delivered revenue of 1,789 million baht, an increase of 100 percent, and Net Operating Profit (BU EBITDA) of 493 million baht, an increase of more than 100 percent year-on-year. The Revenue Generation Index (RGI), which compared hotels in the same group in nearby areas such as Bangkok Marriott Hotel The Surawongse, had an RGI score of 241.7 for MICE hotels. The most popular luxury-resorts, such as Banyan Tree Krabi, also had an RGI score of 261.4. The impressive figures reflect AWC’s dedicated efforts to constantly develop its projects for remarkable competitiveness and meet the needs of customers, and quickly enable them to generate strong cash flow. In Q3/2022, AWC’s hotels had a total of 5,199 rooms, an increase from 3,432 rooms in 2019.
Retail & Commercial Business
The Commercial Business Unit has generated continuous cash flow for AWC and reported revenue growth of 12.8 percent in Q3/2022 from a year earlier. International business tenants, which are considered quality tenants, accounted for 60 percent of all tenants. AWC’s office buildings are Grade-A quality assets in a prime location in central business districts and are equipped with technologies that guarantee digital-age tenants’ convenience and safety.
The Retail Business Unit continued to generate cash flow as a result of increasing visitor traffic, along with efficient cost management and control, transmitting as an EBITDA flow through that is greater than the target. For example, Asiatique The Riverfront Destination’s flow through ratio for the same period last year was equal to 106 percent.
“AWC is committed to enhancing Thailand’s real-estate industry by developing more quality projects. In Q3/2022, AWC established AWC Hospitality Development Co., Ltd., (a “Joint Venture”) to invest in high-potential hospitality projects in Thailand’s key traveler destinations and develop sustainable tourism in the country. This project will increase the registered capital to 10,800 million baht. Additionally, AWC joined forces with Nobu Hospitality – the globally iconic and fastest growing luxury lifestyle brand, Marriott International, Siam Commercial Bank, and Digital Ventures. More significantly, we have collaborated with the Tourism Authority of Thailand (TAT) and partners to drive sustainable tourism and enhance Thailand as a “Global Sustainable Tourism Destination,” Mrs. Wallapa added.
AWC is also preparing to invest and develop two new projects in Bangkok and Phuket which are Grand Mercure Bangkok Windsor and The Westin Siray Bay Resort & Spa, Phuket with a total value of 8,856 million baht in order to expand the quality asset of the Hospitality Business portfolio and strengthen the Thai tourism industry.
AWC is committed to its mission of “Building a Better Future” which is operated under the 3 pillars of the sustainable development framework in 6 dimensions, named 3BETTERs: Better Planet, Better People, Better Prosperity. Alongside this, the Company has been recognized for its sustainability efforts by both national and international institutions, listed on the Thailand Sustainability Investment (THSI) of the Stock Exchange of Thailand, rated AA in the MSCI ESG Ratings and listed in the S&P Global Sustainability Yearbook 2022 as a member in the Hotels, Resorts & Cruise Lines sub-industry index, rated “Excellence CG Scoring” in the Corporate Governance Report and certified by the Thai Private Sector Collective Action Against Corruption (CAC).
หมวดหมู่:Accor Live Limitless, ไม่มีหมวดหมู่, Hotels, Marriott Bonvoy, New Hotel, NEWS